วิเคราะห์นิราศคำโคลงเสด็จไปทัพเวียงจันทน์
(พระเจ้าบรมวงศ์เธอสมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร)
การแบ่งประเภทของนิราศ
๑. แบ่งตามรูปแบบการเขียน
: มีบทสดุดี
๒. แบ่งตามชนิดคำประพันธ์
: เป็นร้อยกรอง ประเภทโคลง
๓. แบ่งตามวิธีการพรรณนา
: เป็นนิราศที่ยึดการเดินทางคร่ำครวญ
จุดมุ่งหมายและแนวการเขียน เป็นนิราศประเภทคร่ำครวญ
ผู้แต่งต้องการแสดงอารมณ์สะเทือนใจที่จากนางเป็นสำคัญ
ผู้แต่งต้องการแสดงอารมณ์สะเทือนใจที่จากนางเป็นสำคัญ
๔.
แบ่งตามเนื้อหา : เป็นนิราศแท้
คือ เดินทางจากที่อยู่และจากนางจริง
ผู้แต่ง แสดง
ความในใจพร้อมๆกับที่บรรยายเส้นทาง
เป็นนิราศพรรณนา
อารมณ์ โดยมุ่งแสดงความอาลัยรักที่ต้องจากนางเน้นอารมณ์
มากกว่าการเดินทางเพียงบันทึกเส้นทางคร่าวๆ
ลักษณะคำประพันธ์
โคลงนิราศตามแบบสมัยเก่า คือ เป็นร่ายสุภาพและตามด้วยโคลงสี่สุภาพ
๑๖๓ บท
เริ่มสำนวนนิราศตั้งแต่โคลงบทที่ ๖ เป็นต้นไป
เนื้อหาสาระ
เนื้อหาเป็นการพรรณนาถึงสตรีที่รักตามขนบธรรมเนียมของวรรณคดีนิราศ
กล่าวถึงการเดินทางด้วยกระบวนเรือทวนลำน้ำเจ้าพระยาขึ้นไปถึงกรุงเก่า แล้วแยกเข้าลำน้ำป่าสักไปถึงท่าเจ้าสนุกสถานที่ต่างๆ
รายทางเรียงตามลำดับเช่นเดียวกับนิราศพระบาทของสุนทรภู่ (สุนทรภู่แต่งนิราศพระบาทเมื่อพุทธศักราช
๒๓๕๐ในสมัยรัชกาลที่ ๑ ) ต่อจากนั้นกระบวนเรือผ่าน ท่าแดง ท่างาม (ท่าหลวง) ยางนม
หัวหิน เริงราง บ้านม่วง บ้านกรูด บ้านกง ปากบาง สาวไห้ บ้านพยาว ท่าราบ
บ้านดาวเรือง บ้านอ้อย ปากเพรียว บ้านกล้วย ช่องผึ้ง ท่าวัว บ้านกอก แก่งเมือง
หนองบัว ท่าเยี่ยม บ้านตาลเดี่ยว และจบความในนิราศเมื่อตั้งค่ายหลวงที่บ้านขอนขว้าง
ระยะทางตั้งแต่ท่างาม (ปัจจุบันเรียกว่า
ท่าหลวง ) จนถึงบ้านขอนกว้างนั้น อยู่ในท้องที่จังหวัดสระบุรี
การตั้งชื่อนิราศ
ตั้งตามเหตุการณ์และสถานที่กรมหมื่นเดชอดิศรเสด็จไปทัพเวียงจันทน์
นิราศเรื่องนี้ไม่ได้กล่าวถึงเนื้อหาการเดินทางไปจนถึงเวียงจันทน์ ซึ่งตามฉบับพิมพ์พุทธศักราช
๒๔๖๖
เรียกว่า “โคลงนิราศกรมหมื่นเดชอดิศรเสด็จไปทัพเวียงจันทน์” และเนื่องจากนิราศเรื่องดังกล่าวพรรณนาความจบลงในเขตท้องที่เมืองสระบุรีนี้เอง จึงน่าจะเรียกชื่อว่า “นิราศสระบุรี” ได้อีกอย่างหนึ่ง
เรียกว่า “โคลงนิราศกรมหมื่นเดชอดิศรเสด็จไปทัพเวียงจันทน์” และเนื่องจากนิราศเรื่องดังกล่าวพรรณนาความจบลงในเขตท้องที่เมืองสระบุรีนี้เอง จึงน่าจะเรียกชื่อว่า “นิราศสระบุรี” ได้อีกอย่างหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น